:: Photo: เมื่อ “ศิลปิน” ขโมยรูป Instagram คนอื่นมาปรินต์ขายได้ราคาสูงถึง 3,300,000 บาท! ::
Photo อัพเดทข่าวล่าสุดกับ ป๋าเอก TechXcite กลายเป็นประเด็นให้ต้องถกเถียงกันในวงการศิลปะอยู่ไม่น้อยทีเดียวเกี่ยวกับกรณีของนาย Richard Prince ศิลปินสุดอื้อฉาวที่มักจะชอบ “ขโมย” รูปถ่ายของผู้อื่นมาใช้งานโดยไม่ได้รับอนุญาตก่อนจะนำมาทำการปรับแต่งภาพเล็กน้อยแล้วอ้างว่านี่แหละคืองาน “ศิลปะ” ของเขาเอง โดยล่าสุดนาย Richard ก็ยังไม่หยุดการกระทำดังกล่าวแถมยังเพิ่มความหนักขึ้นไปอีกขั้นหลังจากที่พี่แกได้ไปเอารูปถ่ายจากInstagram ของคนทั่วไปมาใช้เป็นผลงานของตัวเอง แถมยังนำไปวางขายต่อโดยได้ราคาสูงถึงภาพละประมาณ $100,000 หรือราวๆ 3,300,000 บาทต่อรูปเลยทีเดียว...ขุ่นพระ!
ภาพต้นฉบับจากแอคเคาท์ @doederee
โดยในงานแสดงภาพศิลปะที่ Gagosian Gallery ในประเทศสหรัฐอเมริกาเมื่อเดือนกันยายน-ตุลาคมปี 2014 ที่ผ่านมา นาย Richard ได้ทำการแสดงผลงานภาพศิลปะของตัวเองจำนวน 38 ภาพขนาด 48 x 65 นิ้ว ซึ่งทุกภาพนั้นไปนำมาจากฟีด Instagram ของคนอื่นโดยที่ไม่ได้ขออนุญาตเจ้าตัวก่อนแม้แต่น้อย แถมนาย Richardยังได้ทำการดัดแปลงภาพ Instagram เหล่านี้เล็กน้อย (โคตรๆ) ด้วยการเพิ่มคอมเมนต์ของตัวเองลงไปยังด้านล่างอีกหนึ่งบรรทัด เป็นอันว่าพร้อมที่จะอวดอ้างเสร็จสรรพแล้วว่านี่แหละคือ “ผลงานศิลปะ” ของตัวเองแบบงงๆ
แน่นอนว่ากว่าที่จะมีใครมารู้ว่ารูปถ่ายใน Instagram ของตัวเองนั้นถูกนาย Richard ขโมยไปใช้งานก็ไม่ทันการณ์เสียแล้ว เหมือนอย่างเช่นคุณ Doe Deere เจ้าของภาพถ่ายคู่กับตุ๊กตาของตัวเองที่มารู้เอาเมื่อไม่กี่วันก่อนว่าถูกนาย Richard นำภาพไปใช้โดยไม่ได้ขออนุญาตแถมภาพถ่ายของเธอที่โดนขโมยไปใช้นั้นยังสามารถขายไปได้ด้วยราคาสูงถึง $90,000 หรือประมาณ 3,000,000 บาท นี่ยังไม่นับรวมอีก 37 ภาพที่เหลือที่ขายออกไปในราคาประมาณรูปละ $100,000 ซึ่งรวมๆกันแล้วป่านนี้นาย Richard คงนอนยิ้มสบายใจเฉิบไปแล้วละมั้งนี่!
รูปถ่ายต้นฉบับ (ซ้าย) กับรูปที่นาย Richard นำมาดัดแปลงเป็นภาพศิลปะของตัวเอง (ขวา)
จะว่าไปแล้วนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นาย Richard กระทำการอุกอาจเช่นนี้เพราะก่อนหน้านี้อีตานี่เคยไปขโมยรูปถ่ายของตากล้อง Patrick Cariou มาดัดแปลงเล็กน้อยแล้วอ้างว่าเป็นงานศิลปะของตัวเองซึ่งก็ฟ้องร้องกันมาตั้งแต่ปี 2011 ก่อนที่สุดท้ายแล้วศาลจะตัดสินว่านาย Richard ไม่ม่ีความผิดเพราะถือว่าเป็นการใช้ภาพโดยเป็นธรรมหรือ “Fair Use” ซะอย่างนั้น ส่วนเคสล่าสุดนี่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะมีใครไปเอาเรื่องกับนาย Richard หรือเปล่านะครับ :(
บทความโดย: ป๋าเอก TechXcite