ผมเชื่อว่าหลายคนคงเคยผ่านชีวิตมนุษย์เงินเดือนกันทั้งนั้น เรียกได้ว่ากว่า 90% ต่างต้องเคยเป็นลูกจ้างมาก่อนแน่นอนเลย ดังนั้นคุณจะต้องเข้าใจความรู้สึกชีวิตมนุษย์เงินเดือนไม่มากก็น้อยอย่างแน่นอน โดยเฉพาะความคิดที่สำคัญที่สุดในการเป็นมนุษย์เงินเดือน นั่นคือ
“การเปลี่ยนงาน” นั่นเอง
การเปลี่ยนงาน นั้นย่อมตีความหมายได้อย่างหลากหลายทั้งการโดนไล่ออก เชิญออก การไม่ผ่านโปร หรือการออกโดยสมัครใจ ดังนั้นวันนี้ผมจะขอเสนอในแนวคิดที่ว่าคุณอยากเปลี่ยนงานเท่านั้นพอ โดยเฉพาะในขณะที่การทำงานของคุณกำลังไปได้ดีเพื่อนร่วมงานดี งานดี เงินก็โอเค ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่คุณจะเปลี่ยนงาน ดังนั้นคุณจะเปลี่ยนงานทำไม เอ่อนั่นนะสิ แต่หากคุณกำลังหาจังหวะชีวิตว่าควรเปลี่ยนหรือไม่เปลี่ยน ผมอยากจะลองเสนอแนวคิดเล็กน้อยที่ผ่านมาให้คุณได้รับชมกันครับ
4 เหตุผลที่คุณควรเปลี่ยน
- อนาคตดูมืดมน : เคยลองคิดไหมครับว่าอนาคตในการทำงานหากคุณอยู่ที่นี่จะเป็นยังไง เรื่องนี้ไม่ยากครับลองหาคนที่เก่งแทบจะที่สุดของที่ทำงานและอายุงานมากกว่าเรา โดยเฉพาะหัวหน้างานเราและลูกพี่ในงานของเรานั่นแหละ ผมเคยเข้างานที่หนึ่งมา พี่คนนี้เก่งมากรู้ทุกอย่างแทบจะในที่ทำงานเลยทีเดียว เอาเป็นว่ามีวันลากี่วัน หัวหน้าไม่ยอมให้ลาต้องแอบหนีลาป่วยเลยทีเดียว แต่เงินเดือนและตำแหน่งยังพอกับน้องเข้าใหม่ บวกลบแล้วพี่เค้าได้เงินมากกว่า 3,000 เท่านั้นเองครับ แบบนี้น่าทำต่อไปหรือเปล่าละ
- เงินเดือนตัน : หากคุณเป็นคนจริงจังทำงานแทบทุกอย่างเป็นแล้ว เหงื่อหยดวันละหลายลิตร แต่เงินเดือนขึ้นปีหนึ่งไม่กี่พันจะทนไปทำไม วิธีคิดแนวนี้ละเอียดอ่อนมากครับ เพราะบางหน่วยงานเงินเดือนเป็นความลับอย่างมาก ดังนั้นลองหาพี่ที่สนิทแล้วเรียบเรียงคุยไป อย่าไปถามตรงๆ
- งานหรือนรก : หากคุณเข้าไปที่ทำงานที่องค์กรมีความเหี้ยมโหดระดับ 108 แรงม้าแล้วละก็จะทนอยู่ทำไม ผมเคยเข้าไปทำงาน ณ ที่แห่งหนึ่ง ที่มีวันลาสวัสดีการดีมาก การทำงานช่วงแรกของการทำงานผ่านไปด้วยดี งานดี เงินดี เพื่อนร่วมงานก็โอนะ แต่ปัญหาคือหลังจากผ่านโปรและทำงานเป็นแล้ว ต่างโดนการทำ OT โหดร้ายทารุณอย่างยิ่งที่สำคัญ OT เกินงบประจำเดือนฟรี ไม่เพียงเท่านั้นวันลาที่ควรเป็นของเรากลับลาไม่ได้ โอ้ไม่ไหวละจ้า
- สุขภาพสำคัญที่สุด : สุดท้ายแม้งานจะดีเงินจะดีขนาดไหน แต่ที่คุณทำแล้วเสียสุขภาพมันไม่คุ้มจริงๆนะครับ ยกตัวอย่างของผมเลยละกัน ทำงานในสายของเคมี ทำให้ต้องมีความยุ่งยากเกี่ยวกับสารเคมีมาก ไม่ว่าจะป้องกันยังไงก็ตาม ทำให้คนที่ทำงานสายเดียวกันเป็นโรคตั้งแต่อายุยังน้อย เช่น รุ่นพี่อายุมากกว่า 5 ปี เป็นมะเร็งระยะ 2 เมื่อเรียบจบเอกพร้อมทั้งงานทั้งที่อายุ 30 นิดๆเท่านั้น น่ากลัวนะครับ
ดังนั้นมันอยู่ที่ตัวคุณเองว่าจะพอตอนไหน จะพอตรงไหน ทุกอย่างมันมีความพอดีอยู่ครับ ตอนนี้ผมแม้จะทำงานเงินเดือนน้อยกว่าเดือนแต่ใกล้บ้านอย่างแรง เป็นพนักงานของรัฐ มีวันหยุด วันพักผ่อน ที่ดีเยี่ยม สุขภาพดี กายใจก็ดีแม้หัวหน้าจะโหดไปบางเวลา แต่ก็ผ่านมาได้แบบสบายๆ ยังไงหาทางของตัวเองให้เจอนะครับ สู้ๆครับ